ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช |
ตั้งอยู่ที่ถนนจรดวิถีถ่อง ใกล้กับสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ศาลนี้แต่เดิมอยู่ที่วัดดอยเขาแก้วฝั่งตรงข้ามกับตัวเมือง ต่อมาในปี พ.ศ. 2490 ชาวเมืองเห็นว่าศาลนั้นไม่สมพระเกียรติ จึงช่วยกันสร้างศาลขึ้นใหม่พร้อมกับให้กรมศิลปากรหล่อพระบรมรูปสมเด็จพระ เจ้าตากสินมหาราชขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริงเล็กน้อย ในพระอิริยาบถที่กำลังประทับอยู่บนราชอาสน์ มีพระแสงดาบพาดอยู่ที่พระเพลา ที่ฐานพระบรมรูปมีคำจารึกว่า พระเจ้าตากสินกรุงธนบุรี ทรงพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 2277 สวรรคต พ.ศ. 2325 รวม 48 พรรษา ศาลนี้เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทั่วไป |
|
|
|
วัดดอยข่อยเขาแก้ว และวัดกลางสวนดอกไม้ |
หรือวัดพระเจ้าตาก หรือวัดเสี่ยงทายบารมีพระเจ้าตาก ตั้งอยู่ริมถนนเลี่ยงเมือง ตำบลแม่ท้ ห่างจากลำน้ำปิงฝั่งตะวันตกประมาณ 250 เมตร ในสมัยเมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ดำรงตำแหน่งพระยาตาก พระองค์ได้เสี่ยงทายที่วัดนี้ โดยกล่าวว่า "ถ้าข้าพเจ้ามีบุญญาบารมีมากพอที่จะเป็นที่พึ่งของอาณาประชาราษฎร์ได้อย่าง เที่ยงแท้แน่นอน ขอให้ไม้เคาะระฆังที่จะขว้างไปยังถ้วยแก้ว แล้วแตกหักออกไป ขออย่าให้ส่วนอื่นของถ้วยแก้วแตกเสียหาย ฯลฯ" ปรากฏว่าเมื่อพระองค์ขว้างไม้เคาะระฆังออกไปก็เป็นอย่างที่พระองค์ได้เสี่ยง อธิษฐานเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของบรรดาพุทธบบริษัทที่มาร่วมบำเพ็ญกุศลที่ วัดดอยข่อยเขาแก้วจนเล่าลือกันว่า "พระยาตากเป็นผู้มีบุญญาธิการและบารมีที่มหัศจรรย์ยิ่ง" ภายหลังจากการเสี่ยงทายแล้ว พระองค์ได้ให้ช่างนำลูกแก้วไปติดไว้ที่ยอดเจดีย์วัดดอยข่อยเขาแก้วลูกหนึ่ง อีกลูกหนึ่งข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ได้ขออนุญาตนำไปติดไว้ที่ยอดเจดีย์วัดกลางสวนดอกไม้ หลายปีเวลาผ่านไปลูกแก้วที่ติดยอดเจดีย์ทั่งสองแห่งจั้นได้หลุดหายไปเนื่อง จากยอดพระเจดีย์ได้หักพังลงมาและในพงศาวดาร กล่าวว่า เมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีเสด็จไปยังเมืองเชียงใหม่ครั้งที่ 2 ใน พ.ศ. 2317 เสด็จไปหาสมภารวัดดอยข่อยเขาแก้วและตรัสถามถึงเรื่องลูกแก้วที่พระองค์ทราง เสี่ยงทายเมื่อครั้งยังเป็นพระยาตากอยู่วัดนี้ สันนิษฐานว่าสร้างตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา มีโบาณสถานที่สำคัญ ประกอบด้วยโบสถ์มีใบเสมาคู่ที่แสดงว่าพระมหากษัตริย์ทรงอุปถัมภ์เจดีย์ และพระพุทธบาทจำลองอยู่ในโบสถ์ ด้านหน้ามีเจดีย์ 2 องค์ บรรจุอังคารบิดา มารดาของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช |
|
|
|
ประติมากรรมกระทงสาย |
ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสำนักงานการท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทยภาคเหนือเขต 4 เป็นสวนสาธารณะที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ งานประเพณีลอยกระทงสาย ซึ่งเป็นประเพณีที่ชาวเมืองตากมีความภาคภูมิใจและมีเอกลักษณ์เฉพาะที่หาชม ได้แห่งเดียวในประเทศไทย |
|
|
|
ตรอกบ้านจีน |
ตั้งอยู่ที่ถนนตากสิน ใกล้วัดสีตลาราม ตำบลระแหง เป็นชุมชนการค้าขายที่รุ่งเรืองมากในอดีต โดยมีชาวจีนชื่อ "จีนเต็ง" ซึ่งอพยพเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ มาทำการค้าขายไปถึงเชียงใหม่ และได้ขยายกิจการลงมาถึงเมืองตาก ได้เข้าหุ้นส่วนค้าขายกับพ่อค้าจีนอีกสองคนชื่อ "จีนบุญเย็น" และ "จีนทองอยู่" ต่อมาได้เข้าเกี่ยวพันกับระบบราชการไทยกล่าวคือ "จีนบุญเย็น" ได้รับแต่ตั้งเป็น "หลวงนราพิทักษ์" ปลัดฝ่ายจีนเมืองตาก แล้วได้รับแต่งตั้งให้เป็น "หลวงจิตรจำนงค์วานิช" สังกัดกรมท่าซ้าย ส่วนจีนทองอยู่ได้เป็นหลวงบริรักษ์ประชากรกรมการพิเศษเมืองตาก อากรเต็งและหุ้นส่วนทั้งสองใช้ยี่ห้อการค้าว่า "กิมเซ่งหลี" ห้างกิมเซ่งหลีได้เข้ารับช่วงผูกขาดการจัดเก็บภาษีอาการ ที่เมืองเชียงใหม่จึงได้นำพวกคนจีนเข้ามาอยู่ละแวกบ้านนี้ และได้แต่งงานกับผู้หญิงชาวเมืองตากชื่อ "นางก้อนทอง" มีบุตรชายหนึ่งคนและตั้งบ้านเรือนทำการค้าขายขยายวงขึ้น ในสมัยรัชกาลที่ 5 "จีนเต็ง" ได้มอบหมายให้ "หลวงบริรักษ์ประชากร" (จีนทองอยู่) เป็นผู้จัดเก็บภาษีฝิ่น อากรสุรา บ่อนเบี้ย และหวย ก.ข. จนกระทั่ง พ.ศ. 2452 รัฐบาลเริ่มเข้ามาจัดเก็บเอง ภายหลังละแวกหมู่บ้านนี้จึงมีแต่ลูกหลานจีนดำเนินการค้าขาย ปลูกบ้าน ร้านค้า เริ่มมีถนนหนทางแต่เป็นเพียงทางเดินเท้า ร้านค้าจะมีของขายทุกอย่าง ในซอยตรอกบ้านจีนจะมุงหลังคาบ้านชนกัน จึงเป็นท่ร่มใช้เดินถึงกันได้ตลอด มีร้านขายถ้วยชาม ร้านผ้า ร้านหนังสือเรียน ร้านเครื่องอัฐบริขารในการบวชพระ สถานที่ควรพูดถึงในสมัยนั้น คือ สะพานทองข้ามปากคลองน้อยซึ่ง "คุณย่าทอง ทองมา" เป็นผู้สร้างและม่เสาโทรเลขซึ่งชาวบ้านมักจะเรียกว่า เสาสูง ต่อมามีการปกครองในระบอบประขาธิไตย "นายหมัง สายชุ่มอินทร์" ได้รับเลือกเป็นผู้แทนราษฎรคนแรก ซึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่ในละแวกนั้น ตรอกบ้านจีนในสมัยนั้นมี 3 หมู่บ้าน หมู่บ้านเสาสูง หมู่บ้านปากครองน้อย หมู่บ้านบ้านจีน ต่อมาปี 2495 ทางเทศบาลได้รื้อสะพานทองและถมเป็นถนน เริ่มมีรถยนต์ใช้และหมู่บ้านก็เริ่มกั้นเขตแดนล้อมรั้ว ปี 2497 มีรถยนต์เล็กๆ วิ่งเข้าออกได้ ตรอกบ้านจีนเริ่มซบเซาลงหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี 2484 ร้านค้าเปิดอพยพไปอยู่ที่อื่นเมื่อ สงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง การค้าขายจึงได้ขยายขึ้นไปทางทิศเหนือ ปัจจุบันบ้านจีนจึงเหลือแต่บ้านเก่าๆ ซึ่งยังคงลักษณะของสถาปัตยกรรมเดิมไว้ค่อนข้างสมบูรณ์ เหมาะสำหรับเดินทางเที่ยวชมสภาพบ้านเรือนโดยรอบและวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของ ชุมชนตรอกบ้านจีน |
|
|
|
อุทยานแห่งชาติลานสาง |
อยู่ที่บ้านลานสาง ตำบลแม่ท้อ ห่างจากตัวจังหวัดตากประมาณ 20 กิโลเมตร มีพื้นที่ 65,000 ไร่ ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2522 สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อนติดต่อกันเกือบตลอดพื้นที่ ส่วนที่สูงที่สุดอยู่บริเวณด้านทิศตะวันตก และทิศใต้ และลาดต่ำลงมาทางด้านทิศตะวันออก มีลำธารไหลผ่านหลายสาย เช่น ลำห้วยลานสาง ห้วยท่าเล่ย์ คลองห้วยทราย ห้วยอุมยอม ป่าในเขตอุทยานฯ มีทั้งป่า ดงดิบ ป่าสนเขา ป่าดิบเขา ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ สลับกันไปตามลักษณะภูมิประเทศ สัตว์ป่าที่พบเห็น ได้แก่ หมูป่า เก้ง เต่าปูลู เลียงผา ชะมด นกปรอดเหลืองหัวจุก เป็นต้นตามตำนานเล่ากันว่า เมื่อครั้งที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เสด็จยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ครั้งที่ 2 ได้ทรงหยุดพักพลที่บ้านระแหง แขวงเมืองตาก มีชาวมอญเข้ามาสวามิภักดิ์ด้วยเป็นจำนวนมาก ทหารพม่าจึงติดตามเข้ามา สมเด็จพระเจ้า กรุงธนบุรีได้เสด็จยกทัพไปขับไล่ และพลัดหลงกับกองทัพ ประจวบกับเป็นเวลากลางคืน และสภาพพื้นที่เป็นป่าเขารกทึบยากแก่การติดตาม กองทัพไทยจึงหยุดพัก ขณะที่พักกันอยู่นั้นได้เกิดมีแสงสว่างพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และได้ยินเสียงม้าศึกร้อง จึงรีบพากันไปยังจุดนั้น ก็พบสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีประทับม้าอยู่กลางลานหิน มีแสงสว่างออกมาจากพระวรกาย มีทหารพม่าคุกเข่าหมอบอยู่โดยรอบ และขณะนั้นเป็นเวลาฟ้าสางพอดี จึงเรียกบริเวณนั้นว่า ลานสาง และสถานที่ที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีประทับม้ายังคงมีอยู่ในปัจจุบัน คือ บริเวณน้ำตกลานสาง และที่บริเวณลานหินจะมีรอยเกือกม้าของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีอยู่ด้วย |
|
|
|
หนองน้ำมณีบรรพต |
อยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ใกล้วัดมณีบรรพตวรวิหาร และโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หนองน้ำแห่งนี้เป็นบึงน้ำขนาดใหญ่มีพื้นที่กว่า 60 ไร่ ภายในบริเวณร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้ต่างๆ มีศาลาพักผ่อน ปัจจุบันเทศบาลเมืองตากได้ดำเนินการก่อสร้างเป็นสวนสาธารณะหนองมณีบรรพต เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามกลางเมืองตาก เหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ และเป็นทีพักรถของนักท่องเที่ยว |
|
|
|
ศูนย์บริการวิชาการด้านพืชและปัจจัยผลิตตาก |
อยู่ที่บ้านมูเซอ หมู่ 6 ตำบลแม่ท้อ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและให้ความรู้ทางด้านการเกษตา (Agro-tourism) แก่นักท่องเที่ยวและประชาชนผู้สนใจทั่วไปโดยดำเนินการค้นคว้าทดลองและวิจัย พืชสวนต่างๆ ทั้งพืชเมืองร้อนและกึ่งเมืองร้อน อาทิเช่น กาแฟ อโวคาโด้ มะคาเดเมียนัท ชา ลิ้นจี่ กุหลาบ กล้วยไม้ป่า หน้าวัว พืชผักพื้นเมือง และพืชสมุนไพร เช่น วานิลา อบเชย กระวานไทย กระวานเทศและอื่นๆ มากกว่า 252 ชนิดในประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่ตั้งเรือนประทับทรงงานของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี คร้งเสด็จทรงงานที่จังหวัดตากอีกด้วย
การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 105 สายตาก-แม่สอด ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 26-27 เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการวิชาการด้านพืขและปัจจัยการผลิตตาก ต.แม่ท้อ อ.เมือง จ.ตาก 63000 โทร. 0 5551 2131 , 0 5551 4034 |
|
|
|
หาดทรายทองแม่ปิงเมืองตาก |
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิงฝั่งตะวันตก ตำบลป่ามะม่วง ตรงข้ามตัวเมืองตาก เป็นหาดทรายที่สร้างขึ้นทอดตัวยาวตลอดแนวแม่น้ำปิงมีความยาวถึง 1.5 กิโลเมตร เป็นหาดทรายที่มีต้นไม้ ร่มรื่น ทรายขาว สะอาดไม่แพ้ชายทะเล เป็นสถานที่พักผ่อนและเล่นน้ำของชาวเมืองตาก นักท่องเที่ยวจังหวัดใกล้เคียง สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวและเล่นน้ำได้โดยไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงทะเล นังหวัดตากได้จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ห่วงยาง เก้าอี้ ชายหาดไว้ให้เช่า อีกทั้งยังเหมาะสำหรับการเล่นกีฬาทางน้ำทุกชนิดนับเป็นความภาคภูมิใจของชาว เมืองตากทุกคน |
|
|
|
ศาลหลักเมืองสี่มหาราช |
ตั้งอยู่เชิงสะพานกิตติขจร ก่อนเข้าตัวเมืองตาก จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์เมืองตากเป็นเมืองเก่ามีมาก่อนสมัยกรุงสุโขทัย เป็นเมืองที่มีพระมหาราชเจ้าในอดีตได้เสด็จมาชุมนุมกองทัพที่เมืองตากถึง 4 พระองค์ คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงชนช้างกับขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงประกาศอิสรภาพ ณ เมืองแกรง แล้วยกทัพกลับราชอาณาจักรไทย โดยเสด็จผ่านดินแดนเมืองตากเป็นแห่งแรก สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงนำทัพไปตีหัวเมืองฝ่ายเหนือ และได้สร้างวัดพระนารายณ์ ปัจจุบันอยู่ที่เชิงสะพานกิตติขจร และ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เคยได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองตากเพื่อเป็นการรำลึกถึงพระ มหากรุณาธิคุณของอดีตมหาราช ทั้งสี่พระองค์ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจังหวัดตาก จึงได้จัดสร้างศาลหลักเมืองสี่มหาราชขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2535 |
|
|
|
สะพานแขวนสมโภช กรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี |
เป็นสะพานที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการสมโภช กรุงรัตนโกสินทร์มีอายุครบ 200 ปี สร้างเมื่อ พ.ศ. 2525 โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก เพื่อเชื่อมสองฝั่งแม่น้ำปิงระหว่างเทศบาลเมืองตาก และตำบลป่ามะม่วง ซึ่งในอดีตสามารถใช้รถจักรยานและรถจักรยานยนต์สัญจร แต่ปัจจุบันเป็นสะพานสำหรับเดินชมทิวทัศน์แม่น้ำปิงและมีการประดับไฟสวย งามมากในยามค่ำคืน โครงสร้างของสะพานมีขนาดความกว้าง 250 เมตร ยาว 400 เมตร ฐานรากและจุดพื้นเป็นไม้โยงยึดด้วยลวดสลิงขนาดใหญ่ |
|
|
|
วัดพระนารายณ์มหาราช |
วัดนี้อยู่บนเนินเขาแก้ว ตำบลแม่ท้อใต้วัดดอยข่อยเขาแก้วลงไปประมาณ 12 กิโลเมตร มีซากพระอุโบสถซึ่งผูกพัทธสีมา 2 ชั้น จึงทำให้เข้าใจว่าน่าจะเป็นวัดหลวงมาก่อน แต่เดิมมีกำแพงแก้วรอบพระอุโบสถ ทางกำแพงด้านในทำเป็นช่องเล็กๆ เต็มไปหมดทั้ง 4 ด้าน ช่องเหล่านี้คล้ายกับช่องสำหรับตามประทีปที่พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี ในบริเวณวัดพระนารายณ์มหาราชนั้นมีวิหารน้อยอยู่อีกแห่งหนึ่งเป็นสิ่งปลูก สร้างในสมัยอยุธยาเหมือนกันและต่อจากวิหารน้อยออกไปมีเจดีย์ฝีมือช่างอยุธยา สร้างหรือปฏิสังขรณ์ แต่ครั้งแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพราะช่องตามประทีปซึ่งทำไว้ตามกำแพงและฐานเจดีย์นั้นเป็นของที่นิยมสร้างใน สมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ เพราะก่อนและหลังรัชกาลนี้ไม่ค่อยนิยมสร้างกัน ต่อจากเจดีย์คู่นี้ไปก็มีเจดีย์ใหญ่ฐานสี่เหลี่ยมอีกองค์หนึ่งซึ่งองค์ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเข้าพระทัยว่าน่าจะเป็นของสมเด็จพระชัยราชาธิราช ทรงสร้างไว้แต่ครั้งตีเมืองเชียงใหม่ได้ ใน พ.ศ. 2088 |
|
|
|
วัดสีตลาราม หรือ วัดน้ำหัก |
ตั้งอยู่ที่บ้านจีน ถนนตากสิน ตำบลระแหง เป็นวัดเก่าแก่ของจังหวัด เหตุที่ชาวบ้านเรียกวัดน้ำหัก เพราะในสมัยก่อนบริเวณด้านตะวันตกของวัดเป็นแม่น้ำปิง กระแสน้ำไหลหักวน เนื่องจากเมื่อถึงหน้าน้ำหลาก น้ำจากห้วยแม่ท้อซึ่งไหลแรงมากได้ไหลตัดกระแสน้ำของแม่น้ำปิงให้เบนหักมายัง ท่าน้ำหน้าวัดนี้ ต่อมาได้มีการถมดินสองฝั่งแม่น้ำ ร่องน้ำเปลี่ยนไป จึงไม่มีคุ้งน้ำที่มีกระแสน้ำไหลวนให้เห็นอีก ภายในวัดมีบรรยากาศร่มรื่น โบสถ์ และอาคารเรือนไม้สร้างตามศิลปะยุโรป พระอุโบสถของวัดเคยถูกไฟไหม้แต่ได้มีการสร้างขึ้นใหม่ หน้าอุโบสถมีวิหารคต สร้างด้วยไม้แกะสลักลวดลาย ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสมัยอยุธยา |
|
|
|
วัดโบสถ์มณีศรีบุญเรือง |
ตั้งอยู่ที่บ้านรมณีย์ ถนนตากสิน ตำบลหนองหลวง วัดนี้สร้างเมื่อ พ.ศ. 2401 บูรณะปฏิสังขรณ์ เมื่อ พ.ศ. 2533 ภายในวัดมีเจดีย์ทรงมอญบรรจุพระธาตุไว้ ได้บูรณะฉัตร และบรรจุพระธาตุไว้ที่ส่วนบนของยอดฉัตร ส่วนในวิหารประดิษฐานพระประธานที่ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อพุทธมนต์ สร้างสมัยสุโขทัย ราวต้นพุทธศตวรรษที่ 19 มีพุทธลักษณะที่งดงามมาก |
|
|
|
วัดมณีบรรพตวรวิหาร |
อยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ใกล้โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและหนองน้ำมณีบรรพต อยู่ก่อนเข้าตัวเมืองเล็กน้อย ตั้งอยู่บนเนินเขา เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นตรี เป็นวัดหลวงประจำจังหวัด และวัดพัฒนาตัวอย่าง
มีอีกชื่อว่า "วัดเขาแก้ว" เนื่องจากในอดีดพื้นที่วัดเป็นภูเขาเตี้ยๆ มีหินแก้วน้ำค้าง หรือเขี้ยวหนุมานในบริเวณวัด จึงเป็นที่มาของชื่อวัด สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2390 ภายในบริเวณวัดมีเจดีย์ทรงมอญย่อเหลี่ยมไม้ 16 ภายในอุโบสถมีพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานแก่วัดนี้ และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปแสงทอง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสน หน้าตักกว้าง 30 นิ้ว ชาวบ้านอัญเชิญมาจากวัดร้างแห่งหนึ่งในเขตตำบลแม่ตื่น อำเภอแม่ระมาด เมื่อปี พ.ศ. 2473 ถือเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองตาก และด้านหลังมีหอไตรกลางน้ำ กุฏิเรือนไทยหมู่ |
|
|
|
วัดเขาถ้ำ |
ตั้งอยู่ที่บ้านแพะ ถนนพหลโยธิน ตำบลไม้งาม แยกขวาจากทางหลวงหมายเลข 1 ตรงกิโลเมตรที่ 423 เข้าไปตามถนนประมาณ 900 เมตร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2437 วัดเขาถ้ำนี้มีหินที่เป็นธรรมชาติวางเรียงรายเป็นชั้นสลับซับซ้อนกัน ทางเข้าถ้ำเป็นเขาสูงประมาณ 70 เมตร ภายในวัดเขาถ้ำมีรอยพระพุทธบาทจำลอง พระสังกัจจายน์ เจ้าแม่กวนอิม และหลวงพ่อทันใจประดิษฐานอยู่ในอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปที่ปั้นด้วยปูนเสร็จภายในหนึ่งวัน บนยอดเขามีเจดีย์ตั้งอยู่ และสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของตัวเมืองตากได้ และทุกๆ ปี หลังวันสงกรานต์จะมีการจัดงานประเพณี ขึ้นวัดเขาถ้ำ โดยมีการทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ของไทย และสรงน้ำพระพุทธบาทจำลอง |
|
|
|
ริมสายธารลานกระทงสาย |
ตั้งอยู่ริมถนนกิตติขจร ตำบลหนองหลวง บริเวณริมฝั่งแม่น้ำปิง ฝั่งตะวันออก ตลอดทั่งแนวเป็นสวนสาธารณะพักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองตาก ซึ่งช่วงยามเย็นจะมองเห็นพระอาทิตย์ตกลับเหลี่ยมเขาสวยงามมากและเป็นที่จัด กิจกรรมงานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป 1,000 ดวง และบริเวณเดียวกันนั้นยังเป็นที่ตั้งของคลาดกลางตากสินและหอกิตติคุณ ซึ่งเป็นอาคารเอนกประสงค์ใช้จัดนิทรรศการงานสำคัญต่างๆ ของจังหวัด |
|
|