นายกเล็กแม่สอดชูแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี 4 ด้าน พัฒนาแม่สอดเป็นประตูการค้าเชื่อมอีสต์-เวสต์ อีโคโนมิกคอร์ริดอร์ ยันต้องยกระดับให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน เพื่อให้สอดคล้องกับประเทศเพื่อนบ้านที่นำหน้าไปก่อนแล้ว
นายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2553-2555 ได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนา 4 ยุทธศาสตร์ คือ 1.การพัฒนาเมืองน่าอยู่ 2.เศรษฐกิจ 3.การท่องเที่ยว และ 4.พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อพัฒนาให้เมืองแม่สอดเป็นเมืองแห่งประตูการค้าในระดับเป็นศูนย์กลางภูมิภาคเอเชีย ทั้งทางเศรษฐกิจและการคมนาคมขนส่งของประเทศในกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-พม่า-สปป.ลาว-กัมพูชา หรืออีซีเอสซัมมิท( ECS Summit) และเพื่อรองรับการที่ภาครัฐ เอกชน รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ในพื้นที่และในภาพรวมของประเทศกำลังจะร่วมมือกันทำให้เกิดการพัฒนารูปแบบท้องถิ่นพิเศษเมืองแม่สอด และเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนแม่สอด ที่มีนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะอนุกรรมการพัฒนารูปแบบการให้บริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ในลักษณะเครือข่ายหรือกลุ่มพื้นที่และรูปแบบการจัดตั้งองค์กรบริหารการจัดการในพื้นที่พิเศษ
"ยุทธศาสตร์แผนพัฒนาเมืองแม่สอด จะเป็นการพัฒนาเมืองประตูสู่เศรษฐกิจในภูมิภาคและเส้นทางสายเศรษฐกิจอีสต์-เวสต์ อีโคโนมิกคอร์ริดอร์(East-West Economic Corridor)ของอีซีเอสซัมมิท คือ การส่งเสริมการลงทุนการค้าและบริการเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการเป็นประตูการค้าของภูมิภาค และการเป็น Sister City หรือเมืองคู่แฝดพี่น้องกับเพื่อนบ้าน" นายกเทศมนตรีเมืองแม่สอด กล่าวและว่า การพัฒนาเมืองไปสู่เมืองศูนย์กลางอีสต์-เวสต์ อีโคโนมิกคอร์ริดอร์ของอีซีเอสซัมมิท แต่คนในชุมชนท้องถิ่นเองจะต้องมีความเข้มแข็งตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงพึ่งตนเอง โดยประชาชนสามารถมีรายได้เพื่อยังชีพได้ทั่วถึงยั่งยืน และทำให้เมืองแห่งนี้เป็นเมืองการท่องเที่ยว การทำธุรกิจ วัฒนธรรมและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศอีกด้วย
นายเทอดเกียรติ กล่าวต่อไปว่า ประชาชนในพื้นที่เห็นด้วยกว่า 80 % ในการสนับสนุนการยกเป็นท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ เนื่องจากแม่สอดมีความพร้อมเป็นเมืองหน้าด่านการค้าชายแดนไทย-พม่า ที่มีมูลค่าการค้ามากกว่าปีละ 2,0000 ล้านบาท และเป็นเส้นทางสายเศรษฐกิจอีสต์-เวตส์ อีโคโนมิกคอร์ริดอร์ อีกทั้งจังหวัดเมียวดีของพม่ามีการยกฐานะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนไปแล้ว ซึ่งเมืองแม่สอดซึ่งเป็นชายแดนติดต่อกัน จึงต้องมีการยกฐานะเป็นเขตเศรษฐกิจชายแดนและท้องถิ่นพิเศษ ให้ทันต่อระบบการค้าระหว่างประเทศ สังเกตได้ว่าชายแดนพม่า-จีน ทุกจุดที่สำคัญนั้น มีการยกฐานะเมืองเหล่านั้นเป็นเขตปกครองท้องถิ่นพิเศษหรือเขตเศรษฐกิจชายแดนแล้ว
โดยเมื่อเร็วๆนี้ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี(นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ)ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการการพัฒนารูปแบบการให้บริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ในลักษณะเครือข่ายหรือกลุ่มพื้นที่และรูปแบบการจัดตั้งองค์กรบริหารการจัดการในพื้นที่พิเศษได้เป็นประธานการประชุมฯครั้งที่ 1/2552 ที่ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ โดยมีตัวแทนภาครัฐ เอกชน อปท. สภาสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และนักวิชาการกว่า 70 คนเข้าร่วมประชุม โดยในส่วนของสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศ มีนายประภัสร์ ภู่เจริญ นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย(ส.ท.ท.)และนายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองแม่สอด ในฐานะคณะกรรมการกระจายอำนาจ อปท. พร้อมผู้บริหารเข้าร่วมประชุม เพื่อให้มีการกระจายอำนาจและยกฐานะท้องถิ่นที่มีความพร้อมเป็นเขตปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ในเมืองหลักสำคัญ 5 ด้าน คือ 1. เมืองที่มีความพร้อมทางเศรษฐกิจและมีการพัฒนาในระดับมหานคร เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา 2.เมืองที่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยว เช่น หัวหิน สมุย 3.เมืองชายแดน เช่น เมืองแม่สอด 4. เมืองอุตสาหกรรม เช่น มาบตาพุด และ 5.เมืองประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เช่น สุโขทัย พระนครศรีอยุธยา โดยที่ประชุมได้มีการเสนอหาพื้นที่เป็นโครงการนำร่อง ซึ่งยึดถึงความพร้อมของเมืองและเศรษฐกิจ เช่น เมืองแม่สอด ส่วนเมืองอุตสาหกรรมที่มาบตาพุด โดยตัวแทนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้เสนอให้เมืองแม่สอดเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนควบคู่เขตปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะอนุกรรมการการพัฒนารูปแบบการให้บริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) กล่าวว่า การยกฐานะท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ต้องเป็นเมืองที่มีความพร้อมและมีศักยภาพสูง และมีการศึกษาไปแล้ว เช่น เมืองแม่สอด การยกฐานะท้องถิ่นพิเศษอาจจะยกในกลุ่มเดียวหรือหลายกลุ่ม หรือกลุ่มพื้นที่ ในลักษณะเครือข่าย โดยยึดถึงความพร้อมของเมืองนั้นๆ
"ผมขอให้ตั้งคณะทำงาน 3 ลักษณะ คือ 1.ศึกษาเมืองเศรษฐกิจชายแดนและท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ แม่สอดนำร่อง โดยมีนายวุฒิสาร ตันไชย เป็นประธานคณะทำงาน ซึ่งจะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก และมีความพร้อมมาก 2. เมืองอุตสาหกรรม มีนายชาติชาย ณ เชียงใหม่ เป็นประธานคณะทำงาน 3.เมืองท่องเที่ยว โดยมีองค์ประกอบทุกภาคส่วน พร้อมศึกษาข้อกฎหมาย โดยให้สภาพัฒน์เป็นเลขานุการคณะทำงานติดตามการดำเนินการทุก 2 สัปดาห์"นายอภิรักษ์ กล่าว
นายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2553-2555 ได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนา 4 ยุทธศาสตร์ คือ 1.การพัฒนาเมืองน่าอยู่ 2.เศรษฐกิจ 3.การท่องเที่ยว และ 4.พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อพัฒนาให้เมืองแม่สอดเป็นเมืองแห่งประตูการค้าในระดับเป็นศูนย์กลางภูมิภาคเอเชีย ทั้งทางเศรษฐกิจและการคมนาคมขนส่งของประเทศในกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-พม่า-สปป.ลาว-กัมพูชา หรืออีซีเอสซัมมิท( ECS Summit) และเพื่อรองรับการที่ภาครัฐ เอกชน รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ในพื้นที่และในภาพรวมของประเทศกำลังจะร่วมมือกันทำให้เกิดการพัฒนารูปแบบท้องถิ่นพิเศษเมืองแม่สอด และเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนแม่สอด ที่มีนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะอนุกรรมการพัฒนารูปแบบการให้บริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ในลักษณะเครือข่ายหรือกลุ่มพื้นที่และรูปแบบการจัดตั้งองค์กรบริหารการจัดการในพื้นที่พิเศษ
"ยุทธศาสตร์แผนพัฒนาเมืองแม่สอด จะเป็นการพัฒนาเมืองประตูสู่เศรษฐกิจในภูมิภาคและเส้นทางสายเศรษฐกิจอีสต์-เวสต์ อีโคโนมิกคอร์ริดอร์(East-West Economic Corridor)ของอีซีเอสซัมมิท คือ การส่งเสริมการลงทุนการค้าและบริการเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการเป็นประตูการค้าของภูมิภาค และการเป็น Sister City หรือเมืองคู่แฝดพี่น้องกับเพื่อนบ้าน" นายกเทศมนตรีเมืองแม่สอด กล่าวและว่า การพัฒนาเมืองไปสู่เมืองศูนย์กลางอีสต์-เวสต์ อีโคโนมิกคอร์ริดอร์ของอีซีเอสซัมมิท แต่คนในชุมชนท้องถิ่นเองจะต้องมีความเข้มแข็งตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงพึ่งตนเอง โดยประชาชนสามารถมีรายได้เพื่อยังชีพได้ทั่วถึงยั่งยืน และทำให้เมืองแห่งนี้เป็นเมืองการท่องเที่ยว การทำธุรกิจ วัฒนธรรมและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศอีกด้วย
นายเทอดเกียรติ กล่าวต่อไปว่า ประชาชนในพื้นที่เห็นด้วยกว่า 80 % ในการสนับสนุนการยกเป็นท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ เนื่องจากแม่สอดมีความพร้อมเป็นเมืองหน้าด่านการค้าชายแดนไทย-พม่า ที่มีมูลค่าการค้ามากกว่าปีละ 2,0000 ล้านบาท และเป็นเส้นทางสายเศรษฐกิจอีสต์-เวตส์ อีโคโนมิกคอร์ริดอร์ อีกทั้งจังหวัดเมียวดีของพม่ามีการยกฐานะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนไปแล้ว ซึ่งเมืองแม่สอดซึ่งเป็นชายแดนติดต่อกัน จึงต้องมีการยกฐานะเป็นเขตเศรษฐกิจชายแดนและท้องถิ่นพิเศษ ให้ทันต่อระบบการค้าระหว่างประเทศ สังเกตได้ว่าชายแดนพม่า-จีน ทุกจุดที่สำคัญนั้น มีการยกฐานะเมืองเหล่านั้นเป็นเขตปกครองท้องถิ่นพิเศษหรือเขตเศรษฐกิจชายแดนแล้ว
โดยเมื่อเร็วๆนี้ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี(นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ)ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการการพัฒนารูปแบบการให้บริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ในลักษณะเครือข่ายหรือกลุ่มพื้นที่และรูปแบบการจัดตั้งองค์กรบริหารการจัดการในพื้นที่พิเศษได้เป็นประธานการประชุมฯครั้งที่ 1/2552 ที่ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ โดยมีตัวแทนภาครัฐ เอกชน อปท. สภาสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และนักวิชาการกว่า 70 คนเข้าร่วมประชุม โดยในส่วนของสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศ มีนายประภัสร์ ภู่เจริญ นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย(ส.ท.ท.)และนายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองแม่สอด ในฐานะคณะกรรมการกระจายอำนาจ อปท. พร้อมผู้บริหารเข้าร่วมประชุม เพื่อให้มีการกระจายอำนาจและยกฐานะท้องถิ่นที่มีความพร้อมเป็นเขตปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ในเมืองหลักสำคัญ 5 ด้าน คือ 1. เมืองที่มีความพร้อมทางเศรษฐกิจและมีการพัฒนาในระดับมหานคร เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา 2.เมืองที่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยว เช่น หัวหิน สมุย 3.เมืองชายแดน เช่น เมืองแม่สอด 4. เมืองอุตสาหกรรม เช่น มาบตาพุด และ 5.เมืองประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เช่น สุโขทัย พระนครศรีอยุธยา โดยที่ประชุมได้มีการเสนอหาพื้นที่เป็นโครงการนำร่อง ซึ่งยึดถึงความพร้อมของเมืองและเศรษฐกิจ เช่น เมืองแม่สอด ส่วนเมืองอุตสาหกรรมที่มาบตาพุด โดยตัวแทนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้เสนอให้เมืองแม่สอดเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนควบคู่เขตปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะอนุกรรมการการพัฒนารูปแบบการให้บริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) กล่าวว่า การยกฐานะท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ต้องเป็นเมืองที่มีความพร้อมและมีศักยภาพสูง และมีการศึกษาไปแล้ว เช่น เมืองแม่สอด การยกฐานะท้องถิ่นพิเศษอาจจะยกในกลุ่มเดียวหรือหลายกลุ่ม หรือกลุ่มพื้นที่ ในลักษณะเครือข่าย โดยยึดถึงความพร้อมของเมืองนั้นๆ
"ผมขอให้ตั้งคณะทำงาน 3 ลักษณะ คือ 1.ศึกษาเมืองเศรษฐกิจชายแดนและท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ แม่สอดนำร่อง โดยมีนายวุฒิสาร ตันไชย เป็นประธานคณะทำงาน ซึ่งจะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก และมีความพร้อมมาก 2. เมืองอุตสาหกรรม มีนายชาติชาย ณ เชียงใหม่ เป็นประธานคณะทำงาน 3.เมืองท่องเที่ยว โดยมีองค์ประกอบทุกภาคส่วน พร้อมศึกษาข้อกฎหมาย โดยให้สภาพัฒน์เป็นเลขานุการคณะทำงานติดตามการดำเนินการทุก 2 สัปดาห์"นายอภิรักษ์ กล่าว